กลับมาอีกครั้งกับไอริเจ้าเก่า O wO/

(มีเจ้าใหม่กะเค้าด้วยรึแก = =”)

จากที่เกริ่นไปคราวที่แล้ว วันนี้เราต้องลาจากทตโตริแล้วค่ะ (เศร้า) TwT

แต่ครึ่งวันเช้าเรายังอยู่ที่เดิมนะ >w<

จะเป็นยังไงตามกันต่อเลยค่ะ

…Day 4 2015-11-10…

วันนี้เป็นวันที่ไอริกับพี่หมีคบกัน 5 ปี 2 เดือน แล้วว \> w</

(ข้ามไปได้มั๊ย ไม่ได้อยากรู้เฟร้ย!!!)

อะแฮ่ม! วันนี้เรามีเวลาครึ่งวันเช้าในการเที่ยวทตโตริค่ะ หลังจากที่เรากินข้าวที่โรงแรมเสร็จแล้ว เราก็ฝากสัม”ภาระ” ทั้งหมดไว้ที่คุณ Reception คนสวยที่โรงแรมเช่นเคย

วันนี้เราจะแว๊บไปที่แถวๆ เนินทรายทตโตริ(Tottori Sand Dunes) ซึ่งเป็น Signature ของจังหวัดนี้กันค่ะ แต่!!! ตอนนั้นไอริก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปยังไง เราเลยไปกันที่ Tourist Information แถวๆสถานีค่ะ

พอเข้าไปปั๊ป!

ไอริ: ทตโตริ ซังคิว เอ๊ะ อิคิไต เดะสุง่ะ, โด้ยัตเต๊ะ อิเคะมัสก๋า (จะไป Tottori Sand Dunes ไปยังไงเหรอคะ)

จนท: So first, where do you come from?

ไอริ: Thai (อย่าไปบอกว่า Thailand นะ เดี๋ยวเค้าสับสนกลายเป็น Taiwan อะไรงี๊ เพราะคนญี่ปุ่นแค่ Thai ก็คือประเทศไทยค่ะ )

จนท: Ah! Sawasdee ka/krub 😀

ไอริ: สวัสดีค่าา ฮ่าๆๆๆ (กรี๊ดด จนท. น่าฮักขนาดด ฮ่าๆๆๆ)

จากนั้นเค้าก็บอกมาว่า มี 2 ทางให้เลือกค่ะ

  1. Bus – นั่งบัสไปแล้ว ไปลงที่ Sand Dunes ค่ะ ราคาประมาณ 2xx เยน แต่ไอริไม่ได้นั่ง (จบ)
  2. Taxi – ไอริเลือกวิธีนี้ค่ะ ฮ่าๆๆๆ ที่ทตโตริจะมีบริการทัวร์แท็กซี่ (แต่ไกลขนาด Yonago เค้าไม่ไปนะ) คนละ 1,000 เยน นั่งได้ 3 ชั่วโมง โดยที่คุณคนขับจะเปรียบเสมือนไกด์คอยแนะนำสถานที่ให้เราค่ะ ถึงแม้ว่าคุณคนขับจะพูดภาษาอังกฤษไม่(ค่อย)ได้ แต่เค้าก็พยายามอธิบายมากๆเลยค่ะ ปลื้มๆ > <

หากใครยังไม่คุ้นเคย หรือเพิ่งมาเป็นครั้งแรก แล้วอยากได้ข้อมูลมากกว่าในเน็ตละก็ให้มาที่ Tourist Information นะคะ จะมีคุณลุง กับคุณพี่สาวประจำอยู่ที่นี่ค่ะ เค้าจะคอยแนะนำสถานที่เที่ยว รวมถึงวิธีการไปให้แบบละเอียดยิบเลย พูดอังกฤษได้ด้วย ไอริประทับใจมากๆค่ะ

จากนั้นคุณพี่จนท. ก็ติดต่อเรียกแท็กซี่ให้ โดยค่าโดยสารจะต้องจ่ายให้คุณคนขับหลังจากจบทริปแท็กซี่ค่ะ

ระหว่างที่รอรถอยู่นั้นไอริเหลือบไปเห็นร่มที่วางอยู่ใน Information ค่ะ นอกจากนี้ยังเห็นใน Tottori Station และตามฝาท่อระบายน้ำในเมืองอีก เกิดความสงสัยเลยถามเค้าว่า ร่มนี้มันมีความหมายยังไงเหรอ? เค้าก็บอกว่ามันเป็นร่มที่ใช้ขอฝนใน Shan-Shan Festival ค่ะ โดยจะจัดขึ้นที่เมืองนี้ในเดือนสิงหาคมของทุกปี (นี่ถ้าอยากเห็นฉันก็ต้องมาใหม่สินะ)

Shan Shan Festival umbrella

คุณลุงคนขับมาแล้ว ได้เวลาที่เราจะไปกันแล้วค่ะ ^ w^/

ที่แรกที่เราจะไปไม่ใช่เนินทราย(อ้าว!?) แต่เป็น Jinpukaku! เหมือนกับว่าทาง Tourist Information เค้ามีแพลนเส้นทางการเที่ยวแล้วส่วนนึงอ่าค่ะ เค้าเลยให้คุณลุงคนขับพาเรามาด้วย ให้ได้เที่ยวกันเพิ่มเติม ^w^

Furusato song at Jinpukaku

Furusato song at Jinpukaku

สถานที่สวยและโรแมนติกมว๊ากกกกกกกกกกกกกกก x 100 เคลิ้มไปเลยค่ะ

Jinpukaku

Jinpukaku

20151110_092133

Jinpukaku

ตอนแรกๆไอริก็ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี้มาก่อนเลย แต่พอกลับมาค้นๆข้อมูลดู ก็เลยรู้ว่าที่ๆนี้เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปที่สร้างขึ้นสมัยเมจิค่ะ

คุณลุงคนขับใจดีมากมาย อาสาถ่ายรูปให้ แล้วก็พยายามอธิบายความเป็นมาของสถานที่ให้อีก ทั้งๆที่เราสองคนก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย ขอโทษที่ไม่เข้าใจนะคะ ฮืออ TwT

หลังจากชมความงามของสถานที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกันต่อที่พิพิธภัณฑ์ทราย ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเนินทราย เสียค่าเข้าชมคนละ 600 เยนค่ะซึ่งที่นี่ก็เป็นแหล่งรวมศิลปะรูปปั้นทราย และทรายที่ใช้ก่อรูปปั้นก็ขนมาจากเนินทรายที่อยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละค่ะ(ฮา)

Sand Museum Ticket

ศิลปะที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ทรายนั้น ทุกๆปีก็จะมีธีมในการแสดงศิลปะ โดยธีมในปี 2015 นั้นคือ Germany ค่ะ ข้างในก็จะจัดแสดงศิลปะทรายที่เกี่ยวกับเยอรมัน พอถึงประมาณต้นเดือนมกราคม 2016 เค้าก็จะทำการรื้อ แล้วสร้างขึ้นใหม่ภายใต้ธีมของปีนั้นๆ โดยช่วงเวลาในการสร้างจะอยู่ที่ประมาณเดือนมกราคม จนถึงปลายเดือนเมษายน จากนั้นจึงเปิดให้เข้าชมใหม่ค่ะ

Sand Museum Theme Germany

Sand Museum Theme Germany

งานละเอียดมว๊ากกก >w<~

Sand Museum Theme Germany

Sand Museum Theme Germany

Sand Museum Theme Germany

Sand Museum Theme Germany

Sand Museum Theme Germany

Sand Museum Theme Germany

หลังจากที่เราชมศิลปะชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้นไปข้างบนเพื่อไปชมวิวของเนินทรายจากพิพิธภัณฑ์ค่ะ

Sand Dunes from sand museum

และเป้าหมายต่อไปเราจะไปที่เนินทรายกันค่ะ ที่นี่เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ ลมทะเลพัดทรายจากทะเลมาทับถมกัน เกิดเป็นเนินทราย ถ้าใครมาช่วงเช้าก็จะได้เห็นลายบนทรายที่เป็นริ้วๆ ที่เกิดจากลมด้วยนะคะ โดยปกติคนที่มาเนินทรายเค้าจะเดินไปจนถึงริมสุด เพื่อไปสัมผัสลม และดูทะเลค่ะ

Sand Dunes

มีอูฐให้ขี่ด้วยนะคะ แต่ต้องเสียตังค์ ตอนที่ไอริไปไม่มีอูฐเลยค่ะ ฝนตก (;w;)

Sand Dunes

กว้างมากๆๆๆๆๆๆๆ

Sand Dunes

หลังจากชมเสร็จเราก็จ่ายค่าแท็กซี่แล้วไปหาข้าวกินแถวๆ Tottori Station ค่ะ

Chirashi at Tottori Station

กินกันเสร็จเราก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม กลับมาที่สถานีก็ซื้อของฝาก จากนั้น… ก็โบกมือลา Tottori นั่ง Super Hakuto เหมือนเดิมค่ะ แต่คราวนี้เราไปลงที่ Kyoto ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟขบวนนี้ ใช้เวลานั่ง 3 ชั่วโมงค่ะ นั่งตั้งนานก็ต้องซื้ออะไรไปกินในรถไฟเนอะ >w<

Super Hakuto ticket from Tottori to Kyoto

Oburoshiki

Dango

Matcha Fondue of KanoZa bakery

สำหรับ Tottori เป็นอะไรที่ไอริต้องทำการบ้านสำหรับสถานที่เที่ยวเยอะมากๆ เพราะหาข้อมูลรีวิวของคนไทย(เอาแบบไม่นับพวกรายการท่องเที่ยว) ก็มีแต่ข้อมูลเก่า แต่ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ อย่าง Kyoto และ Osaka ไอริเชื่อว่าอ่านผ่านๆก็ไปได้ค่ะ และทริปต่อจากนี้ไปเราก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายเท่าไหร่ เพราะกะว่าจะเที่ยวตามมหาชน เค้าไปไหน เราก็ไปตาม(ฮา)

กว่าจะถึงเกียวโตก็ประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ เราก็เลยลากกระเป๋าไปเก็บไว้ใน apartment ที่จองไว้ผ่านทาง airbnb สาเหตุที่เราเลือกพักแบบนี้เพราะถ้าพักใน apartment จะได้ที่กว้างกว่าพักกับทางโรงแรม และค่าที่พักยังถูกกว่าด้วยค่ะ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของ Host อย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ

เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว ท้องฟ้าก็มืดพอดี (ประมาณ 5-6 โมงเย็น) เราก็เลยไปเดินสำรวจ และหาร้านอาหารทานแถวๆสถานีเกียวโตค่ะ

Kyoto Tower at night

Udon at Kyoto subway station

วันถัดไปพวกเราจะตามมหาชนไปไหนกัน อย่าลืมติดตามนะค๊า อย่าเพิ่งทิ้งเราไปไหนก่อนนะ ( ^^)~

つづく

Comments 「コメント」

comments